ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป เติบโตอย่างต่อเนื่องเตรียมขยายแฟรนไชส์ ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์ และชานมไต้หวันวาวาชา เฟรช ทั้งในและต่างประเทศ
ตลาดปิ้งย่างและอาหารเกาหลียังโตต่อเนื่อง ซูกิชิตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ส่งซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์ บุกตลาด CLMV พร้อมขายแฟรนไชส์ในประเทศและต่างประเทศเพิ่ม ตั้งเป้าปีนี้ 7 สาขา เปิดตัว “กิมจิผักพื้นบ้านและกิมจิผลไม้ไทย” ชูเอกลักษณ์รสชาติผักผลไม้ไทยปรุงรสสไตล์เกาหลี เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค พร้อมสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย
คุณนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารเกาหลี กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ด้านธุรกิจอาหารที่มีมายาวนานกว่า 23 ปี ทำให้ปัจจุบันซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย ธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี Sukishi Korean Charcoal Grill ร้านSukishi Everyday ร้านTiga Pizza ร้านTokki Izakaya และชานมไต้หวัน Wawacha Fresh ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปสไตล์เกาหลี และธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยการเข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023
ในครั้งนี้ ก็เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารเกาหลีอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และสินค้าอาหารเกาหลีสำเร็จรูป รวมถึงเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ซูกิชิให้กับลูกค้า คู่ค้า
และพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอสินค้าและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังผู้ค้าส่ง (Wholesaler) ผู้ค้าปลีก (Retailer) ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม
สำหรับภาพรวมตลาดร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีหลังสถานการณ์โควิด-19มีอัตราการเติบโต 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ โดยในส่วนของธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 35 สาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดซึ่งเป็นของบริษัทฯเอง และมี แฟรนไชส์อีก 4 สาขา โดยปี 2566 บริษัทฯ มีแผนจะขยายสาขาแฟรนไชส์ 7 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 6 สาขา และต่างประเทศ 1 สาขาที่ประเทศกัมพูชา และภายใน 5 ปีจะขยายเป็น 10 สาขา รวมถึงยังวางแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศลาว พม่าและเวียดนาม ตามลำดับ การขยายตลาดไปยังต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มีทั้งการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น และการขายแฟรนไชส์ ทั้งนี้ เชื่อว่าทิศทางตลาด CLMV มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคเปิดรับวัฒนธรรมเกาหลีมากขึ้น มีการเดินทางท่องเที่ยวไปเกาหลีทำให้เกิดความชื่นชอบในเรื่องของอาหาร จึงเป็นช่องทางที่จะให้บริษัทฯ เข้าไปรุกตลาดในประเทศเหล่านี้ ซึ่งตั้งเป้ายอดขายของสาขาที่เป็นแฟรนไชส์จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%ต่อปี
นอกจากนี้ ในส่วนของแบรนด์ชานมไต้หวัน Wawacha Fresh บริษัทฯ ได้เปิดตัวขายแฟรนไชส์ในงาน THAIFEX นี้ แม้ว่าในท้องตลาดจะมีเครื่องดื่มประเภทชานมเป็นจำนวนมาก แต่ชานมไต้หวัน Wawacha Fresh
มีจุดเด่นที่นอกเหนือจากชานมแล้วยังมีชาใส คัดสรรใบชาคุณภาพเยี่ยมจากแหล่งผลิตชาในประเทศไต้หวัน
ชงสดแบบแก้วต่อแก้วด้วยขั้นตอนพิถีพิถัน ทำให้ชาทุกแก้วมีรสชาติเข้มข้น สดชื่นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงมีการคิดค้นสูตรเครื่องดื่มแบบใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อกระแสความต้องการของผู้ชื่นชอบการดื่มชา จึงเชื่อว่าจะขยายตลาดในประเทศได้โดยตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ในปีแรกนี้จำนวน 3 สาขา ส่วนใน
ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บริษัทฯ จะเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์อีกด้วย
ทั้งนี้ การที่บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในธุรกิจกลุ่มแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่มของซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ปนั้น เพราะกลุ่มธุรกิจนี้มีจุดแข็งในเรื่องของสินค้าและบริการ คุณภาพวัตถุดิบ ความหลากหลายของเมนู น้ำจิ้มที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีและถูกปากคนไทย รวมถึงยังมีองค์ความรู้ ในการประกอบธุรกิจปิ้งย่างทั้งการให้คำปรึกษาในระบบความปลอดภัย การให้คำปรึกษาในเรื่องการบริหารจัดการร้าน การสนับสนุนแฟรนไชส์ด้วยระบบมาตรฐานสากล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจกลุ่มอาหารสำเร็จรูปสไตล์เกาหลี ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 รายการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี โดยวางจำหน่ายตลาดในประเทศเป็นหลัก และภายใน 5 ปีหลังจากนี้จะเร่งผลักดันการขายในตลาดต่างประเทศให้มีสัดส่วนยอดขาย 15 % ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์กิมจิผักกาดขาวของซูกิชิเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับ 1 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ เพราะถูกคิดค้นและพัฒนาสูตรจากผู้เชี่ยวชาญด้านกิมจิโดยเฉพาะ และวางจำหน่าย เป็นแบรนด์แรกๆในประเทศไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ล่าสุดได้มีการเปิดตัว “กิมจิผักพื้นบ้านและกิมจิผลไม้ไทย” เป็นการผสมผสานผักพื้นบ้านภาคต่างๆ รวมกับผลไม้ไทยที่เป็น
ที่นิยม ปรุงรสในสไตล์เกาหลีเพื่อให้เกิดรสชาติใหม่ๆ ให้กับตลาดกิมจิ ประกอบด้วย กิมจิกะหล่ำปลี กิมจิผักกูด
กิมจิดอกปลั่ง กิมจิไหลบัว กิมจิผักคันจอง กิมจิมะม่วงและกิมจิกระท้อน การที่บริษัทฯ เลือกใช้วัตถุดิบหลัก
จากภายในประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นว่าผักและผลไม้ของไทยมีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ดังนั้น
จะสนับสนุนผักและผลไม้ที่มีความโดดเด่นของแต่ละภูมิภาค ตามแนวคิด 1 ภาค 1 วัตถุดิบ คัดเลือกเพื่อนำมาทำเป็นกิมจิ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตอย่างน้อย 10%ทุกปีในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์กิมจิ สำหรับภาพรวมของบริษัทฯในปีนี้จากการมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์
และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกสู่ตลาด คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 25% หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท