เอสซีบี เอกซ์ ประกาศผลกำไรสุทธิประจำ ไตรมาส 1 ของปี 2566 จำนวน 10,995 ล้านบาท
กรุงเทพฯ: บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2566 จำนวน 10,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 24,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ
ในไตรมาส 1 ของปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 28,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมขยายตัว 3.1% จากการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพของธนาคารและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 10,831 ล้านบาท ลดลง 6.6% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านธนาคารและการชะลอตัวของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง ในขณะที่รายได้จากธุรกรรมทางการเงินและรายได้ที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งรายได้จากการลงทุนและการค้ามีจำนวน 1,127 ล้านบาท ลดลง 17.5% แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 16,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% เป็นผลจากกิจกรรมธุรกิจที่เพิ่มขึ้นโดยยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ในไตรมาส 1 ของปีนี้อยู่ที่ 41.0%
บริษัทฯ ได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 9,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% เพื่อเป็นสำรองส่วนเพิ่มสำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 163.8%
คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 3.32% ปรับตัวลดลงจาก 3.34% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 และเงินกองทุนรวมตามกฎหมายของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.6%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกสะท้อนถึงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น โดยธุรกิจธนาคารยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เพื่อเป็นธนาคารที่ดีขึ้นและสามารถขยายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับการบริหารคุณภาพของสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ธุรกิจใหม่สามารถขยายฐานลูกค้าเพื่อเติบโตพอร์ตสินเชื่อได้ตามแผน โดยยังอยู่ภายใต้การประเมินความเสี่ยงอย่างรัดกุม นอกจากนี้ บริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้จ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิปี 2565 เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่ที่มี SCBX เป็นยานแม่ ซึ่งเป็นรูปแบบองค์กรที่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจใหม่ และสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน”