โฆษก สปสช. แจ้งความ คลินิกแห่งหนึ่ง จ.เชียงราย พบหลักฐานเบิกค่าบริการเท็จ รวมมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท
โฆษก สปสช. เข้าแจ้งความ “คลินิกการพยาบาลฯ แห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย” หลังรับเรื่องร้องเรียน และเร่งตรวจสอบพบว่า หลักฐานการส่งเบิกจ่ายเป็นเท็จ ทั้งกรณีไม่พบหลักฐานการให้บริการจริง ส่งเบิกจ่ายซ้ำซ้อนกับคลินิกฯ แห่งอื่นที่ให้บริการผู้ป่วยอยู่ บันทึกการให้บริการผู้ป่วยในเวลาปฏิบัติงานที่ รพ. และพบข้อมูลการเบิกจ่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมมูลค่าความเสียหาย 1.8 ล้านบาท
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10:00 น. วันนี้ (10 ม.ค. 67) ตนได้เดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ จังหวัดเชียงราย (สภ.บ้านดู่) เพื่อแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานกรณีที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เนื่องจาก สปสช. ได้รับร้องเรียนการประพฤติมิชอบในการประกอบกิจการคลินิกฯ และจากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐาน โดยมี 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 คลินิกที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่ สปสช. เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ารับบริการที่คลินิก แต่ยืนยันตัวตน (Authen) การเข้ารับบริการในระบบไม่ได้ เนื่องจากในเวลาเดียวกันมีคลินิกอีกแห่งหนึ่งที่ สปสช. ได้เข้าแจ้งความในวันนี้ ทำการยืนยันตัวตนรับบริการไปแล้ว ทั้งที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการแต่อย่างใด
กรณีที่ 2 สปสช. ได้รับการแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านกลุ่มไลน์ กรณีการให้บริการของคลินิกดังกล่าวที่มีจำนวนมากผิดปกติ และไม่น่าเชื่อถือ โดยมีทั้งการส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เจ้าของคลินิกฯ ปฏิบัติงานประจำอยู่ให้กับคลินิกตนเองเพื่อให้บริการจำนวนมาก ทั้งยังมีการให้บริการที่บ้านทุกวัน บางวันมีมีจำนวนมากกว่า 10 ราย โดยแต่ละครั้งบริการที่บ้านจะไม่เกิน 10 นาที ใช้วิธีถ่ายรูปกับผู้ป่วย บันทึกข้อมูลในไอแพดที่มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ ไม่มีลายเซ็นชื่อผู้รับบริการ ซึ่งเจ้าของคลินิกชี้แจงว่า ไม่ได้จัดทำเอกสารแบบสมบูรณ์ จะจัดทำเฉพาะรายที่ สปสช. เรียกตรวจสอบของแต่ละปีงบประมาณนั้น ๆ เท่านั้น
และกรณีที่ 3 เป็นข้อมูลจากการร้องเรียนผ่านเพจ Facebook ข่าวสารเวียงป่าเป้า ที่ข้อความระบุว่า มีคลินิกทำการรวบรวมเก็บบัตรประชาชนผู้รับบริการแลกเป็นนม แชมพู และยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อนำมาเบิกชดเชย ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สภาวิชาชีพ สปสช. กฎหมาย หรือระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนด
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียน สปสช. ได้เร่งทำการตรวจสอบและพบว่า ไม่พบหลักฐานการให้บริการตามที่มีการเรียกเก็บจาก สปสช. โดยมีกรณีที่ไม่ส่งเอกสารหลักฐานตามที่มีการเรียกเก็บจำนวน 54 ครั้งตรวจพบการส่งบันทึกให้บริการซ้ำซ้อน เนื่องด้วยผู้ป่วยกำลังเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอื่น กลับยืนยันตัวตนผู้ป่วยไม่ได้ เนื่องจากคลินิกแห่งนี้ได้ยืนยันตัวตนผู้ป่วยรายเดียวกันนี้ในวันและเวลาเดียวไปแล้ว
ทั้งนี้ยังพบหลักฐานการให้บริการที่บ้านที่บันทึกวันเวลาการให้บริการที่อยู่นอกช่วงเวลาตามที่ขออนุญาต คือเปิดให้บริการวันจันทร์–ศุกร์ เวลา16:30-20:30 น. และเสาร์–อาทิตย์ เวลา 08:00 -20:00 น. และยังพบการบันทึกวันเวลาที่ให้บริการตรงกับวันเวลาที่อยู่ระหว่างปฏิบัติงานประจำที่โรงพยาบาลตนเองด้วย จากการเทียบกับวันเวลาที่ให้บริการกับเอกสารหลักฐานและตารางขึ้นปฏิบัติงานที่โรงพยาบาล อีกจำนวนมาก
“คลินิกแห่งนี้ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ กับ สปสช. ตั้งแต่ 23 ตุลาคม 2566 ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวนี้ รวมเป็นมูลค่าการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทองฯ ทั้งสิ้นจำนวน 1,843,460 บาท ทำให้ สปสช. ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินการกับผู้ประกอบการคลินิก ซึ่งหลังจากนี้ สปสช. จะทำการขยายตรวจสอบการคลินิกต่างๆ ในระบบที่พบข้อมูลการเบิกจ่ายมีความผิดปกติต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1.สายด่วน สปสช. 1330
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://www.facebook.com/NHSO.Thailand