PMAC ลงพื้นที่ศึกษาดูงานภาพรวมนวัตกรรมเพื่อการเสริมสร้างบริการสุขภาพปฐมภูมิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จ.สระบุรี พร้อมชื่นชมระบบพร้อมนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศ
คณะดูงานสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล หรือ PMAC ลงพื้นที่ศึกษาดูงานภาพรวมนวัตกรรมเพื่อการเสริมสร้างบริการสุขภาพปฐมภูมิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จ.สระบุรี ด้านผู้แทนPMAC ชื่นชมระบบพร้อมนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศ
วันนี้(30 มกราคม 2568) ที่ห้องประชุมพระพุทธบาท ศูนย์ราชการ จังหวัดสระบุรี คณะดูงานสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล หรือ PMAC ลงพื้นที่ศึกษาดูงานภาพรวมนวัตกรรมเพื่อการเสริมสร้างบริการสุขภาพปฐมภูมิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเปิดงาน และต้อนรับคณะ PMAC โดยมี รศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.ประสิทธิชัย มั่งจิตร รองนพ.สสจ.สระบุรี พร้อมด้วย เภสัชกรคณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสปสช. นพ.สาธิต ทิมขำ ผอ.สปสช.เขต4 สระบุรี ร่วมต้อนรับคณะ แลกเปลี่ยน การดูงานในครั้งนี้
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ จังหวัดสระบุรีมีเรื่องสำคัญที่ทำอยู่ในการดูแลสุขภาพประชาชน 2 เรื่อง คือ สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ หรือ ศูนย์ปฏิบัติการสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ (Saraburi Sand Box หรือ Saraburi Low Carbon City Operration Mannagement Center) กับ “คุณภาพชีวิตดี คนสระบุรีไม่ทิ้งกัน ”ซึ่งมี การจัดตั้งคณะทำงานหรือกรรมการทั้งในระดับ ตำบล อำเภอ และจังหวัด เข้ามาดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตประชาชนในจังหวัดสระบุรี โดยมีการเก็บข้อมูลร่วมกับหลายส่วน เช่น สาธารณสุข อบจ. อบต. เทศบาล รวมถึงการศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากจน และ เด็กที่อยู่นอกระบบโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการค้นหากลุ่มเปราะบาง เหล่านี้ ที่เดือดร้อนจริงๆ และจะได้นำข้อมูลตรงนี้มาช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อออกเป็นมาตรการต่างๆในการช่วยเหลือให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและปัญหานั้นๆอย่างแท้จริง โดยการร่วมมือจากหลายส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐและภาคประชาสังคม
“การที่คณะPMAC ได้มาดูงานด้านบริการสุขภาพ ระดับปฐมภูมิจังหวัดสระบุรี ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง อีกทั้งจังหวัดสระบุรีมีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตเรื่องสิ่งแวดล้อมแม้แต่เรื่องความมั่นคงต่างๆ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีกล่าว
รศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาสปสช.กล่าวว่า วันนี้ คณะPMAC ลงพื้นที่จ.สระบุรี ศึกษาดูงาน 3 นวัตกรรม ได้แก่ คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกทันตกรรมใกบ้บ้านใกล้ใจ และร้านยาชุมชนอบอุ่น ที่ประชาชนเข้าถึงได้สะดวก กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ
สำหรับต้นแบบนวัตกรรมคลินิกสุภาภรณ์ กายภาพบำบัด ที่ดูแลคนไข้ป่วยแขนขาอ่อนแรง ด้วยการทำกายภาพบำบัด จน ทำให้กลับมาเดินได้ ซึ่งคณะที่มาลงพื้นที่ ได้สนใจประเด็นเรื่องนวัตกรรมอย่างมาก และเรื่องค่าใช้จ่ายที่ใช้ในกองทุนด้วย
ด้าน Trisnasari เจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน สำนักงานประกันสังคมด้านนโยบายสุขภาพ ประเทศอินโดนีเซีย มาประชุม ในประเทศไทย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 บอกว่า หน่วยบริการปฐมภูมิในประเทศไทยน่าประทับใจมาก เพราะในอินโดนีเซีย มีแพทย์จำนวนมากในหน่วยบริการปฐมภูมิ แต่ระบบของเรายังไม่สามารถดำเนินไปได้ดีเท่ากับของไทย
สำหรับคลินิกกายภาพบำบัด และระบบการดูแลผู้ป่วย หรือการให้บริการที่บ้านคนไข้ คิดว่าน่าสนใจมาก เพราะเราสามารถเห็นผลลัพธ์ของผู้ป่วยได้โดยตรง ประเทศไทยมีโปรแกรมที่ชัดเจน มีการดำเนินงานที่เป็นระบบ และมีการติดตามผลที่ดี อีกทั้งยังนำคุณภาพของผลลัพธ์ของผู้ป่วยมาใช้พิจารณา จ่ายค่าตอบแทนให้กับสถานพยาบาลด้านกายภาพบำบัด
“สนใจเรื่องนี้มาก เพราะทีมของเรากำลังต้องการพัฒนาโปรแกรมลักษณะนี้ในอินโดนีเซีย ภายใต้โครงการประกันสุขภาพแห่งชาติเช่นกัน“
นอกจากนี้การมาศึกษาครั้งนี้ ได้เห็นมุมมองทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านการแพทย์ มีการแบ่งแยกขอบเขตและลำดับขั้นของการรักษาที่ชัดเจนพอสมควร ระหว่างการดูแลในระดับปฐมภูมิและการส่งต่อ โดยมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนว่าอะไรคือบทบาทของหน่วยบริการปฐมภูมิ และอะไรคือบทบาทของโรงพยาบาลใหญ่ จะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างสองหน่วยงานนี้ได้
Trisnasari กล่าวว่า ยังสนใจประเด็นที่สำคัญ คือ เรื่องงบประมาณ การจัดสรรงบประมาณมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านสาธารณสุข มองว่างบประมาณ และสถานพยาบาล ที่ได้รับก็ดูมั่นใจว่าสามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้ภายใต้งบประมาณนี้
“อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจ ในแง่ของความร่วมมือทางสังคม คือการเห็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักกายภาพบำบัด ภาคเอกชน และภาครัฐ ซึ่งทำให้มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับชุมชน และในแง่ของการทำงานร่วมกัน สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งทั้งสองฝ่ายมักจะทำงานแยกกัน
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญคือ การดูแลผู้ป่วยเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยเช่นกัน คิดว่านี่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยบริการสุขภาพกับชุมชน” เจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน สำนักงานประกันสังคมด้านนโยบายสุขภาพ ประเทศอินโดนีเซียกล่าว