กกท. เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรมการกีฬา เสริมศักยภาพธุรกิจค่ายมวยและอุตสาหกรรมมวยไทย
กรุงเทพฯ – 4 มกราคม 2566 – ไตรภาคีหน่วยงานภาครัฐ นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และคณะกรรมการกีฬามวยปลุกกระแสศิลปะมวยไทยครบเครื่องจัดใหญ่กิจกรรมโรดโชว์โปรโมทมวยไทย ต่อยอดสร้างสรรค์สู่สินค้าอุตสาหกรรมกีฬาผสานรวมศิลปะวัฒนธรรม
มวยไทยทุกแขนง เข้ากับโลกการสื่อสารไร้พรมแดนในรูปแบบ Virtual Exhibition ไว้ด้วยกัน โดยมุ่งส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทย ฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนะธรรมการกีฬาเต็มรูปแบบ
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทยทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการผสานทุกศิลปะวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สู่สินค้าและบริการในอุตสาหกรรมกีฬา เผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สร้างแรงจูงใจให้เกิดความสนใจมาฝึกฝนศิลปะมวยไทยในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และยังเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาไปพร้อมกัน
ปัจจุบันมวยไทยได้รับความสนใจทั้งในเชิงกีฬาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและศิลปะการป้องกันตัว ที่เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก การส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทยผ่านกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นและส่งต่อผลลัพธ์ที่ทรงพลังในระยะยาว เป็นกลยุทธ์ในการช่วยส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จัก และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง
มหกรรมมวยไทยต้อนรับปีเถาะที่ยิ่งใหญ่นี้ จัดขึ้น ณ อาคารเอนกประสงค์และลานหน้าอินตอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร โดยกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานประกอบด้วยการแข่งขันชิงชนะเลิศไหว้ครูและนาฏยุทธ์มวยไทย การประกวดวงปี่พาทย์มวยไทย การแข่งขันมวยไทยในรายการครูดามไฟต์ 18 การแข่งขันมวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากลประจำปี 2565 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมด้วยคู่มวยแม่เหล็ก
สำหรับการแข่งขันวงปี่พาทย์มวยไทยจำนวน 9 ทีม ทีมชนะเลิศได้แก่ วงไชย์ชนก รองชนะเลิศคือวงคุณชาย และลำดับที่ 3 คือวงศิษย์สมานมิตร ส่วนแข่งขันนาฏยุทธ์มวยไทยซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 9 ทีม ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ ทีมศาตรา โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ รองชนะเลิศคือ ทีมบารมีสำราญราชบันเทิงศิลป์ และทีมที่ได้ลำดับที่ 3 คือ ทีมมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง
ด้านผลการแข่งขันมวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากลประจำปีชิงชนะเลิศ รุ่นน้ำหนัก 118 ปอนด์ ตกเป็นของ จรัสชัย ป.ปัญญวัฒน์ (ตรัง) ชนะ TKO ยก 4 ร้อยเหลี่ยมเพชร ส.ธนโชติ(ระยอง) รุ่น 115 ปอนด์ ลำน้ำเข็ก ผดุงชัยมวยไทยยิม(พิษณุโลก) ชนะ TKO ยก 1 พญาครุฑ เสือจันถกมวยไทย(สงขลา) และรุ่น 112 ปอนด์ ซุปเปอร์แบงค์
ศ.อภิเดช (ตรัง) เสมอกับ เจริญทอง ศูนย์เยาวชนคลองเตย(กรุงเทพ) ครองชนะเลิศร่วมกัน
การจัดแสดงนิทรรศการมวยไทยจัดเป็นไฮไลท์สำคัญของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ แสดงถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมกีฬาของไทยที่มีศักยภาพเพียงพอในการผลักดันธุรกิจมวยไทยไปสู่อุตสาหกรรมกีฬาระดับโลก ด้วย พัฒนาการของวงการมวยไทยในหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ครอบคลุมสำเร็จของค่ายมวยไทยที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์มาตรฐานกว่า 30 แห่ง การจัดแสดงชีวประวัติและผลงานของปูชนียบุคคลและนักมวยที่มีชื่อเสียงในวงการกีฬามวย ความก้าวหน้าในวงการกีฬามวยไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมของมวย และยังมีสินค้ามวยไทยหลากประเภทที่ล้วนถูกนำมาจัดแสดงภายในงานนี้ เพื่อให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมงานได้เลือกซื้อหาอย่างครบครัน อีกด้วย
ผู้สนใจยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมชมนิทรรศการจากการจำลองรูปแบบงาน Roadshow ในรูปแบบ Virtual Exhibition หรือนิทรรศการเสมือนจริง 360 องศา ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ เสมือนได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจท่ามกลางงานมหกรรมมวยไทย ณ อินตอร์สเตเดี้ยมหัวหมากด้วยตนเองจริงๆ เป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมในรูปแบบไฮบริดที่มีทั้ง Offline และ Online ควบคู่กัน สามารถตอบโจทย์และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยผู้สนใจยังคงสามารถติดตามรายละเอียดของการจัดVirtual Exhibition ได้ที่เว็บไซด์ https://muaythaiexpo.co”